จากกรณีนายเอกพจน์ ยศศิริ อายุ 27 ปี พนักงานขับรถส่งวัสดุก่อสร้างของบริษัท ชัยภิวัตร จำกัด ได้ก่อเหตุขับรถบรรทุกหกล้อชนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มาตั้งแต่ท้องที่ สน.พญาไท สน.มักกะสัน และ สน.ทองหล่อ ระยะทางทั้งสิ้นกว่า 5 กิโลเมตร มีรถที่ได้รับความเสียหาย รวม 42 คัน แบ่งเป็น รถยนต์ 34 คัน และรถจักรยานยนต์ 8 คัน ก่อนถูกจับกุมได้ที่ทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เอกมัย เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา
ปรากฏว่า รถบรรทุก 6 ล้อคันดังกล่าวได้ซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 3 ไว้กับบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมีวงเงินความคุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก จำนวน 600,000 บาท และมีการซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. ที่คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย ของผู้ประสบภัย ซึ่งบริษัทประกันภัยดังกล่าวก็พร้อมจ่ายสินไหมทดแทนตามความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย โดยจะชดใช้ความเสียหายแก่รถที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด ในลักษณะของการเฉลี่ยความเสียหายตามสัดส่วนภายใต้วงเงิน 600,000 บาท ส่วนที่เกินจากนั้น ทางผู้เสียหายต้องเรียกร้องจากผู้ประกอบการรถบรรทุก 6 ล้อคันดังกล่าวเอง
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เรียกได้ว่าเป็นภัยที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครที่มีการจราจรคับคั่งเช่นนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นเรียกว่าเป็น “วินาศสันตะโร” มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนสูงถึง 42 คัน รวมความเสียหายแล้วกว่า 2.5 ล้านบาท
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างตั้งคำถามว่าเจ้าของรถที่ได้รับความเสียหายนั้น มีประกันภัยหรือไม่? ในส่วนของรถบรรทุก 6 ล้อที่กระทำความผิดนั้นมีประกันภัย คือประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 3 โดยมีวงเงินความคุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอก จำนวน 600,000 บาท แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงได้เกินวงเงินความคุ้มครองที่บริษัทประกันภัย รับประกันภัยไว้
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น...ต้องย้อนกลับไปที่ผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถบรรทุก 6 ล้อคันนั้น ว่าได้บริหารความเสี่ยงในการเลือกซื้อประกันภัยตามความเหมาะสมของธุรกิจของตนเองไว้อย่างไร เพราะอย่าลืมว่าการซื้อกรมธรรม์ประกันภัย ไม่ใช่ซื้อเพียงเศษกระดาษ หากแต่ต้องซื้อความคุ้มครองเมื่อเวลาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทำให้สามารถรองรับความเสียหายที่ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบได้
สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ ความเสี่ยงของคุณมีมากน้อยแค่ไหน คุณเท่านั้นที่จะรู้และเป็นผู้บริหารจัดการความเสี่ยงของตัวคุณเอง หากไม่มีการประกันภัย!!! การเลือกซื้อประกันภัยที่ครอบคลุมความเสี่ยงจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถ
การประกันภัยเป็นเครื่องมือหนึ่งในการบริหารความเสี่ยง ที่ช่วยบรรเทาความเสียหายยามเมื่อเกิดภัยหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น หากซื้อประกันภัยที่ไม่เหมาะสมกับความเสี่ยงของตัวคุณเอง คุณต้องเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงนั้นไว้เอง
สนใจข้อมูลการประกันภัยรถยนต์ ดูได้ที่ www.tgia.org/insurance/motor
"วินาศภัยบรรเทาได้ ด้วยการประกันภัย"
แถลงข่าวโครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ปีที่ 2
17 กรกฎาคม 2561 กิจกรรมส่วนกลาง