นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2557 เกิดอุบัติเหตุรถตู้โดยสารหมายเลขทะเบียน 32-7317 กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชนกับรถบรรทุกพ่วง หมายเลขทะเบียน 81-6449 เลย ส่วนพ่วงหมายเลขทะเบียน 81-6450 เลย บนถนนสาย 201 ชัยภูมิ-ชุมแพ หน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแก้งคร้อ ตำบลหนองไผ่ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 3 ราย นั้น
สำนักงาน คปภ. ได้ประสานสำนักงาน คปภ. จังหวัดชัยภูมิ ทราบว่ารถตู้โดยสาร ทำประกันภัย รถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ส่วนรถบรรทุกพ่วงทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กับ บริษัท ฟีนิกซ์ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ทั้งส่วนหัวและพ่วงกับ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งผู้ประสบภัยจะได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย ดังนี้
1. ผู้ประสบภัยเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร ทายาทสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ดังนี้
1.1 ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 200,000 บาทต่อคน และหากกรณีเป็นความประมาทของรถทั้ง 2 ฝ่าย กรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัยที่เป็นผู้โดยสารทุกกรมธรรม์
1.2 ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคสมัครใจ กรณีไม่มีผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาทต่อคน หรือกรณีมีผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 300,000 บาทต่อคน
1.3 ความคุ้มครองจากการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) สำหรับผู้ขับขี่ 100,000 บาทและผู้โดยสาร 15 คนๆ ละ 100,000 บาท
2. ผู้ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ดังนี้
2.1 ความคุ้มครองจากการประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน และค่าชดเชยรายวัน สำหรับผู้ประสบภัยที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล วันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน
2.2 ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคสมัครใจ ได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่ จ่ายจริงแต่ไม่เกินความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตซึ่งทราบว่าเป็นชาวเวียดนาม สำนักงาน คปภ. จะประสานบริษัทประกันภัยเพื่อให้ทายาทผู้ประสบภัยได้รับ ค่าสินไหมทดแทนโดยเร็วที่สุด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการประสานโรงพยาบาลที่รับรักษาพยาบาลผู้ประสบภัยเพื่ออำนวยความสะดวกด้านค่ารักษาพยาบาลแล้ว อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่เกิดขึ้นกับรถโดยสารสาธารณะ และมีความสูญเสียจำนวนมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการกำกับดูแลผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะให้เข้มงวดยิ่งขึ้นโดยคำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของผู้โดยสารตลอดจนสาธารณชนเป็นสำคัญ และขอให้เจ้าของรถตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และกรมธรรม์ประกันภัยภาคสมัครใจ เพราะหากประสบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต ความคุ้มครองจากระบบประกันภัยสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของท่านได้
ที่มา : http://www.oic.or.th ศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2557
CIO Roundtable ครั้งที่ 3/2567
07 พฤศจิกายน 2567 ทั่วไป