เหลืออีกไม่กี่วันเทศกาลวันสงกรานต์ก็ใกล้มาถึง หลายหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมีความห่วงใยในการขับขี่รถยนต์ในการกลับภูมิลำเนาหรือการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งหลายๆ ปีที่ผ่านมามักจะเห็นข่าวการเกิดอุบัติไม่เว้นแต่ละปี ที่มีจำนวนผู้บาดเจ็บ ล้มตาย ออกมาเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะในภาคส่วนของหน่วยงานอย่าง สำนักงานคณะกรรมการกำกับดูและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่เป็นหัวเรือใหญ่ในธุรกิจประกันในบ้านเรา จึงได้ออกประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้ตื่นตระหนกถึงความปลอดภัยทางท้องถนน รวมไปถึงฟากฝั่งภาคเอกชนที่กระตุ้นให้มีการเตรียมความพร้อม คงต้องติดตามดังต่อไปนี้
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ คปภ.เตรียมปลูกฝังให้ประชาชนให้ตระหนักถึงความปลอดภัยทางท้องถนน โดยร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัยดำเนินโครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนภายในองค์กรของภาคอุตสาหกรรมประกันภัย เนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นได้สร้างความสูญเสียให้กับชีวิตและทรัพย์ของประชาชนจำนวนมาก
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยสร้างวัฒนธรรมขับขี่ปลอดภัยภายในองค์กรของภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ซึ่งร่วมมือกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย และบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ สนับสนุนให้ทุกฝ่ายตกลงร่วมกันรณรงค์ส่งเสริมให้บุคลากรทุกระดับมีจิตสำนึกและตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนน โดยให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์สวมใส่หมวกนิรภัย ผู้ใช้รถยนต์คาดเข็มขัดนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และให้ยึดถือปฏิบัติเป็นวัฒนธรรมขับขี่ในองค์กรต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 57 โดยจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ถนนรัชดาภิเษกเป็นถนนแห่งการสร้างวัฒนธรรมขับขี่ปลอดภัย คาดเข็มขัดและสวมหมวกนิรภัย 100% ซึ่งจะมีพิธีปล่อยขบวนแห่รถจักรยานยนต์ของผู้บริหารและพนักงานของบริษัทประกันภัย วิ่งรณรงค์ และประชาสัมพันธ์ไปตามถนนรัชดาภิเษก จากหน้าสำนักงาน คปภ. ไปจนถึงแยกพระราม 9 และจากแยกพระราม 9 วิ่งผ่านแยกรัชโยธิน และมาสิ้นสุดที่หน้าสำนักงาน คปภ.
นอกจากนี้ จะมีการตรวจรถจักรยานยนต์โดยให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและหลอดไฟฟรี โดยบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด รวมทั้งตรวจสภาพการทำงานของรถยนต์ฟรี 20 รายการ โดยอู่ซ่อมรถยนต์ในเครือสมาคมสหมิตรการซ่อมรถยนต์แห่งประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการฯ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งสามารถดูรายชื่ออู่ดังกล่าวได้จาก www.oic.or.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 11 เม.ย.57
อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุทางถนนมักเกิดขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิดจึงฝากเตือนให้ประชาชนไม่ควรประมาท ก่อนออกเดินทางทุกครั้งควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งาน และตรวจสอบวันหมดอายุของการทำประกันภัย พ.ร.บ. ที่สำคัญประชาชนไม่ควรมองข้ามความสำคัญของการทำประกันภัย หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186
นายประเวช กล่าวต่อว่า ก่อนออกเดินทางทุกครั้งควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งานและตรวจสอบวันหมดอายุของการทำประกันภัย พ.ร.บ. ที่สำคัญประชาชนไม่ควรมองข้ามความสำคัญของการทำประกันภัย ซึ่งปัจจุบันมี “ประกันภัย 200” ที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนแล้ว โดยมีเบี้ยประกันภัยราคาถูก 200 บาทต่อปี ความคุ้มครองสูงสุด 1 แสนบาท มีเงื่อนไขไม่ซับซ้อนและหาซื้อได้ง่ายหรือจะเป็น “ประกันอุบัติเหตุเดินทางอุ่นใจ” ที่มีแผนความคุ้มครองที่เลือกระยะเวลาการเดินทางได้ เช่น มีตั้งแต่ 1 วัน 3 วัน 5 วัน 7 วัน 10 วัน หรือ 14 วัน ซึ่งประชาชนสามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการ
ด้าน น.ส.กานดา วัฒนายิ่งสมสุข ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรบริษัทวิริยะประกันภัย กล่าวว่า นอกจากจะร่วมกับ คปภ.แล้วบริษัทได้ร่วมกับกรมการขนส่งทางบกจัดโครงการ “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” โดยศูนย์ซ่อมมาตรฐานของวิริยะ 30 แห่ง ซึ่งสามารถสอบถามบริษัทได้ทุกคน พ.ร.บ.คุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุทางรถประชาชนผู้ประสบภัยจะได้รับความคุ้มครองจากประกันภัย พ.ร.บ.ทุกคน ทั้งที่รถเกิดอุบัติเหตุจะมีประกัน พ.ร.บ.หรือไม่ก็ตาม หากมี พ.ร.บ.เรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัยเจ้าของรถ ถ้าไม่มี พ.ร.บ.ให้นำหลักฐานเรียกร้องความเสียหายจากกองทุนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถกรณีเสียชีวิต 2 แสนบาท
ดังนั้นหากบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาตามจริงแต่ไม่เกินรายละ 5 หมื่นบาท ถ้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจะได้รับค่าชดเชยเพิ่มอีกวันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน และถ้าถูกรถชนแล้วหนีหรือผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดจะได้รับเพียงค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท กรณีเสียชีวิตจะได้รับค่าปลงศพ 3.5 หมื่นบาท สิ่งที่ควรรู้และพึงระวังไว้คือการขับขี่ขณะมึนเมาและทำให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่รายนั้นจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ หากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ผู้โดยสารในรถคันนั้นได้รับความคุ้มครองตามปกติ หากรถที่เกิดอุบัติเหตุมีประกันภัยชั้น 3 ถ้าเสียชีวิตและผู้เสียชีวิตมีภรรยา บุตร สามี พ่อแม่ ที่ต้องเลี้ยงดู เรียกร้องค่าไร้อุปการะเพิ่มอีก 1 แสนบาท และจากประกันภาคสมัครใจอีก รวมเป็น 5 แสนบาท ก่อนเดินทางสงกรานต์ปี 2557 เจ้าของรถควรจะนำรถไปตรวจสภาพก่อนและควรมีประกันภัย ประกันชีวิต เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงกรณีที่ไม่คาดฝันหากรถยนต์ ประชาชนปลอดภัย ครอบครัวก็ไม่ต้องสูญเสีย ประกันก็ไม่ต้องจ่ายสินไหมทดแทน ท้ายสุดต่างก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน
ขณะที่นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ขอเตือนประชาชนที่ได้ทำประกันชีวิตไว้ ควรตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยของตัวเองว่ายังมีผลบังคับอยู่หรือไม่ เนื่องจากการขาดชำระเบี้ยประกันภัยจะมีผลให้กรมธรรม์ประกันภัยขาดความคุ้มครอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย ผู้เอาประกันภัยจะไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมประกันชีวิตจากบริษัทได้ และสำหรับผู้ที่ยังไม่มีประกันชีวิตก็สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองได้กับตัวแทนประกันชีวิตได้ เพื่อเตรียมพร้อมกับเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้
“อยากให้ประชาชนทุกคนตระหนักและเห็นความสำคัญของการทำประกันชีวิต โดยทำประกันชีวิตอย่างน้อยครอบครัวละ 1 กรมธรรม์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งอาจเป็นการซื้อประกันชีวิตแบบสามัญทั่วไป หรือซื้อกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุ ซึ่งเบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุจะมีเบี้ยประกันภัยที่ค่อนข้างต่ำ เช่นประกันภัย 200 เพื่อรายย่อยที่มีเบี้ยประกันภัยเพียง 200 บาทต่อปี แต่คุ้มครองการเสียชีวิตสูงถึง 1 แสนบาท เพื่อความอุ่นใจตลอดการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้” นางบุษรา กล่าว
ทั้งนี้ เนื่องจากเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่มีการจราจรคับคั่ง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าปกติ และจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2556 หรือในช่วง 7 วันอันตรายวันที่ 11-17 เม.ย.56 พบว่ามีผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนเสียชีวิตทั้งสิ้น 321 ราย และได้รับบาดเจ็บ 3,040 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้ทำประกันชีวิตไว้เพียง 76 ราย คิดเป็น 24% ของจำนวนผู้เสียชีวิตเท่านั้น จะเห็นได้ว่ายังมีประชาชนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่มีความคุ้มครองจากประกันชีวิต
ที่มา http://www.banmuang.co.th/ อังคารที่ 8 เมษายน 2557
คปภ. ปลุกพลังภาคอุตสาหกรรมประกันภัย พลิกฟื้น “งานสัปดาห์ประกันภัย”
21 มิถุนายน 2559 ทั่วไป