ปัจจุบันเกิดภัยธรรมชาติขึ้นอย่างบ่อยครั้ง เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว และลมพายุ ซึ่งแต่ละครั้งก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เราควรซื้อกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองในทรัพย์สิน และเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินในเบื้องต้นเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น
กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ (กองทุนฯ) จัดตั้งขึ้นตามพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติโดยการรับประกันภัย และทำประกันภัยต่อโดยมีรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกัน ดังนั้น ประชาชนผู้เอาประกันภัยผู้ประกอบการ สามารถมั่นใจได้ว่ากองทุนฯ มีศักยภาพ และมีความพร้อมที่จะรองรับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
กรมธรรม์ประกันภัยพิบัติจะให้ความคุ้มครองในกรณีที่คณะรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติรุนแรงตามคำแนะนำของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือค่าสินไหมทดแทนรวมของผู้เอาประกันภัย ภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยพิบัติมากกว่า 5 พันล้านบาทต่อหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน 60 วันโดยมีการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป หรือกรณีแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงตั้งแต่ 7 ริกเตอร์ขึ้นไปหรือกรณีลมพายุที่มีความเร็วลมพายุตั้งแต่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ประชาชนที่มีห้องพักในคอนโดฯสูง อาจไม่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากภัยลมพายุ ภัยแผ่นดินไหว รวมถึงการเกิดสึนามิด้วยซึ่งหากประชาชนซื้อกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ก็จะได้รับความคุ้มครองในทรัพย์สินที่เกิดความเสียหายจากภัยดังกล่าวด้วย
ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เขตรับน้ำ หรือกักเก็บน้ำไม่สามารถซื้อกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติได้ เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการให้ ความช่วยเหลือ และชดเชยโดยตรงแก่ประชาชนผู้อยู่ ในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว
ผู้เอาประกันภัยจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 50,000 บาท ภายใต้ความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ และอีก 50,000 บาท จากความคุ้มครองน้ำท่วมของกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่ขยายความคุ้มครองไว้
ประชาชนสามารถซื้อกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติได้จากบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ หากกรณีบริษัทรับประกันภัยปฏิเสธการขายกรมธรรม์ หรือการชำระค่าสินไหมทดแทน ผู้เอาประกันภัยสามารถร้องเรียนได้ที่ สำนักงาน คปภ.ส่วนกลางสำนักงาน คปภ. เขต และสำนักงาน คปภ. จังหวัดทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186 เว็บไซต์ www.oic.or.th
กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย และภัยพิบัติสำหรับที่อยู่อาศัยให้ความคุ้มครอง ไฟไหม้ ฟ้าฝ่า การระเบิดทุกชนิด ภัยจากยานพาหนะ ภัยจากอากาศยาน ภัยเนื่องจากน้ำ (แต่ไม่รวมน้ำท่วม) และค่าเช่าที่อยู่อาศัยชั่วคราวที่เกิดจาก 6 ภัยแรก รวมถึงภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำท่วม แผ่นดินไหว และลมพายุ
กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยและภัยพิบัติสำหรับที่อยู่อาศัยสามารถแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ หนึ่งสำหรับความคุ้มครองอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ซึ่งระยะเวลาเอาประกันภัยสามารถทำเป็นระยะยาวได้ แต่ส่วนที่ 2 สำหรับความคุ้มครองภัยพิบัติมีระยะเวลาเอาประกันภัยเพียง 1 ปีเท่านั้น
ในกรณีเกิดเหตุภัยพิบัติ ให้ประชาชนรีบแจ้งบริษัทประกันภัย พร้อมเก็บรวบรวมเอกสารหลักฐานความเสียหาย และร่ายละเอียดของทรัพย์สิน โดยบริษัทประกันภัยจะเข้าสำรวจและประเมินความเสียหาย และจะจ่ายค่าสินไหมตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินวงเงินความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ยกเว้นกรณีภัยพิบัติน้ำท่วม บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยจะพิจารณาที่ระดับของน้ำเป็นเกณฑ์
ไม่ได้ เพราะว่าโรงรถไม่ได้ถือว่าเป็นพื้นที่ ที่ใช้เพื่อการอยู่อาศัย
ภายใต้คำจำกัดความของคำว่า “ภัยพิบัติ” หากเหตุการณ์สึนามินั้น เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงตั้งแต่ 7 ริกเกอร์ขึ้นไป หรือรัฐบาลประกาศเป็นภัยพิบัติ ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ
ไม่ได้ เนื่องจากนายทะเบียนจะประกาศยกเลิกกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยแบบเดิม แต่กรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ขายไปแล้ว บริษัทประกันภัยยังคงให้ความคุ้มครองจนกว่า กรมธรรม์ประกันภัยจะหมดอายุ
ประชาชนผู้เอาประกันที่ประสบภัยพิบัติต้องยื่นหลักฐานรูปถ่ายบ้านน้ำท่วม พร้อมกับกรมธรรม์ประกันภัยอัคคีภัย และภัยพิบัติสำหรับที่อยู่อาศัย ต่อบริษัทประกันภัย ทั้งนี้ จำนวนเงินความคุ้มครองขึ้นอยู่กับระดับความสูงของน้ำ
การจำกัดความรับผิด (Sublimit) หมายความว่า การจำกัดความรับผิด ในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัย / ความรับผิดส่วนแรก(Deductible) หมายถึง จำนวนค่าสินไหมทดแทนส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง
ใช้เกณฑ์การจ่ายค่าสินไหมตามความเสียหายที่เกิดจริงเหมือนกัน ยกเว้นกรณีภัยพิบัติจากน้ำท่วมในภาคครัวเรือน ที่เกณฑ์การจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยใช้วัดจากระดับความสูงของน้ำ